October 25, 2025

เมื่อความสบายกลายเป็นนิยามใหม่ของความหรูหรา แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล เผยวิสัยทัศน์อนาคตแห่งวงการอาหารของเอเชียแปซิฟิก

Read Time:8 Minute, 9 Second

รายงาน Future of Food 2026 โดยแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล เผยให้เห็นแนวโน้มใหม่ที่มุ่งสู่ความหรูหราในแบบที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นสบายควบคู่กับประสบการณ์ที่สะท้อนวัฒนธรรมอาหารท้องถิ่น ซึ่งสร้างนิยามใหม่ของการลิ้มรสความสุขอย่างมีระดับ

กรุงเทพฯ, 17 ตุลาคม 2025 – แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล (Marriott International) เผยรายงานล่าสุด The Future of Food 2026 ที่เจาะลึกพฤติกรรมและรสนิยมการรับประทานอาหารที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รายงานฉบับนี้ชี้ให้เห็นแนวโน้มสำคัญที่กำลังเปลี่ยนโฉมวงการอาหาร ตั้งแต่การขยับจากการรับประทานอาหารแบบไฟน์ไดนิ่งสู่ ความหรูหราในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เมนูที่รับประทานง่าย สบาย ๆ ประสบการณ์การรับประทานที่ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศ และการให้คุณค่ากับรสชาติและวัตถุดิบท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่ผ่อนคลายและออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคล เป็นมื้ออาหารซึ่งการเล่าเรื่องราว ความบันเทิง และการออกแบบที่ใส่ใจในรายละเอียด มีความสำคัญไม่แพ้รสชาติของอาหาร

รายงานฉบับนี้อ้างอิงข้อมูลเชิงลึกจากเชฟชื่อดัง มิกโซโลจิสต์ ผู้ที่คร่ำหวอดในแวดวงอาหาร และสื่อสายอาหารในภูมิภาคกว่า 30 ราย รวมถึงผลสำรวจจากทีมอาหารและเครื่องดื่มของแมริออทในโรงแรมกว่า 270 แห่ง ครอบคลุม 20 ตลาดทั่วเอเชียแปซิฟิก เพื่อวิเคราะห์ว่าแนวโน้มเหล่านี้กำลังจะพลิกโฉมวงการบริการและความคาดหวังของแขกผู้เข้าพักไปอย่างไร

ปีเตอร์ ราบา รองประธานฝ่ายอาหารและเครื่องดื่ม ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมจีน) แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “รายงาน The Future of Food 2026 แสดงให้เห็นว่า เอเชียแปซิฟิกกำลังมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตของการรับประทานอาหารทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นกระแสความหรูหราหากแต่ผ่อนคลาย ไปจนถึงการรับประทานอาหารที่เน้นประสบการณ์ ปัจจุบันแขกมองหาความเชื่อมโยงทางอารมณ์มากพอ ๆ กับความเป็นเลิศของรสชาติ รายงานฉบับนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการเติบโตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมนี้ และสร้างสรรค์ประสบการณ์การรับประทานอาหารที่มีความหมาย เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมและสถานที่ และปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับวิถีของนักเดินทางรุ่นใหม่” 

Marriott International Hotel

พร้อมกล่าวเสริมว่า “ทั่วทั้งเอเชีย บริบทเกี่ยวกับอาหารรูปแบบใหม่กำลังเกิดขึ้น อย่างการผสมผสานระหว่างคุณภาพกับความรื่นรมย์ในการรับประทาน และความหรูหรากับประสบการณ์ อาหารมื้อนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่การกิน แต่คือการกระตุ้นทุกประสาทสัมผัส รายงานฉบับนี้ชี้ว่าอาหารไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่ให้พลังงานแก่ร่างกายอีกต่อไป แต่คือการเล่าเรื่อง การสะท้อนตัวตน และการเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม”  ในประเทศไทย ได้มีการจัดเสวนาเพื่อเปิดตัวรายงาน “Future of Food 2026” เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ณ เดอะเฮ้าส์ออนสาทร โรงแรมดับเบิ้ลยู กรุงเทพ โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิร่วมแบ่งปันมุมมองเกี่ยวกับอนาคตของวงการอาหารไทย เอิบลาภ ศรีภิรมย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสินค้าการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า “วัตถุดิบพื้นถิ่นของไทยสะท้อนเรื่องราวอันทรงพลังของวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของประเทศ การเผยแพร่สิ่งเหล่านี้สู่เวทีโลกคือการเชิญชวนให้นักเดินทางมาสัมผัสประเทศไทยในมิติที่ลึกซึ้งและมีความหมายยิ่งขึ้น” ด้าน แบรด เอ็ดแมน รองประธานกรรมการประจำประเทศไทย กัมพูชา และเมียนมา แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวเสริมว่า “อนาคตของวงการอาหารอยู่ที่นี่แล้ว ในประเทศไทย เราภูมิใจที่ได้ประสานความร่วมมือกับ ททท. ในการส่งเสริมการใช้วัตถุดิบท้องถิ่น สนับสนุนชุมชน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และตอกย้ำภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางด้านอาหารระดับโลก”

แนวโน้มสำคัญที่กำหนดอนาคตของวงการอาหาร

1. Comfort is the New Luxury (ความหรูหรารูปแบบใหม่: ผ่อนคลาย สบายๆ)
ยุคใหม่ของการรับประทานอาหารได้ถือกำเนิดขึ้น ด้วยแนวคิด Fine-Casual ที่ผสมผสานความหรูหราเข้ากับความรื่นรมย์และผ่อนคลาย ตั้งแต่การยกระดับเมนูคลาสสิกอันคุ้นเคยเช่น ไก่ทอดเสิร์ฟพร้อมคาเวียร์ หรือการนำเสนอเมนู à la carte ที่ให้แขกเลือกสรรได้หลากหลายและสะท้อนตัวตน ตั้งแต่เชฟจากสิงคโปร์ไปจนถึงโตเกียวกำลังเปิดรับแนวทางที่ผ่อนคลายยิ่งขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหรา ในขณะที่ลูกค้าโหยหาความคุ้นเคยที่มาพร้อมกับลูกเล่นใหม่ ๆ บรรดาเชฟแถวหน้าต่างนำเอาอาหารจานโปรดในชีวิตประจำวันมาตีความใหม่ ด้วยความปราณีตสไตล์ไฟน์ไดนิ่ง บวกความคิดสร้างสรรค์ และความสวยงามในการจัดจาน รายการอาหารแบบดั้งเดิมที่มีหลายคอร์สกำลังถูกแทนที่ด้วยประสบการณ์ที่รวดเร็วและยืดหยุ่นกว่าเดิม ข้อมูลจากการสำรวจของเครือโรงแรมแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกชี้ว่า 59% ของโรงแรมดังกล่าวระบุว่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แขกเลือกรับประทานอาหารแบบง่าย ๆ สบาย ๆ มากกว่าแบบที่เป็นทางการ

2. Dining Becomes a Sensory Journey (การรับประทานอาหารกลายเป็นการเดินทางแห่งประสาทสัมผัส)
รูปแบบการรับประทานอาหารทั่วเอเชียกำลังกลายเป็นเรื่องของประสบการณ์ที่ปลุกเร้าทุกประสาทสัมผัส ทั้งการเลือกประสบการณ์รับประทานอาหารในความมืด หรือ เสพงานศิลป์ที่กินได้ กว่า 48% ของพนักงานด้านอาหารและเครื่องดื่มของแมริออทรายงานว่ามีแขกที่มองหาประสบการณ์การรับประทานอาหารแบบมีปฏิสัมพันธ์เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ร้านอาหารจึงออกแบบประสบการณ์ที่เน้นความมีส่วนร่วมมากขึ้น ทำให้การรับประทานอาหารกลายเป็นทั้งศิลปะ การแสดง และการแสดงออกทางตัวตนเพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ดื่มด่ำและกระตุ้นประสาทสัมผัสหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ประสบการณ์แบบโอมากาเสะไปจนถึงการจัดบรรยากาศตามธีมต่าง ๆ ในขณะที่เส้นแบ่งระหว่างการค้าปลีก การบริการ และธุรกิจบันเทิงเริ่มเลือนลาง อาหารจึงกลายเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับการแสดงออกถึงตัวตนและความคิดสร้างสรรค์

3. Plating Up Native Ingredients (การเชิดชูวัตถุดิบพื้นถิ่น)
เหล่าเชฟกำลังหันมาให้ความสำคัญกับวัตถุดิบพื้นถิ่นเป็นองค์ประกอบสำคัญของอัตลักษณ์ด้านอาหาร โดยดึงรากเหง้าทางวัฒนธรรมและการแสดงออกทางตัวตนมาเป็นแรงบันดาลใจ ความสนใจในการใช้วัตถุดิบท้องถิ่น วัตถุดิบที่หาเก็บเองจากธรรมชาติ หรือแม้แต่วัตถุดิบที่ถูกลืมเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของอาหารให้ลึกซึ้งและแท้จริงมีแนวโน้มที่เพิ่มมากขึ้น จากการสำรวจโรงแรมและรีสอร์ทของแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พบว่า 85% นำวัตถุดิบท้องถิ่นหรือเมนูพื้นบ้านมาผสมผสานในเมนูอาหาร สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการอาหารที่ได้จากวัตถุดิบตามฤดูกาลที่เพิ่มสูงขึ้น

4. AI Takes a Byte of the Industry (AI ก้าวเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรม)
เทคโนโลยี AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมอาหาร ช่วยยกระดับประสิทธิภาพและสร้างประสบการณ์รับประทานอาหารที่ออกแบบตามความต้องการเฉพาะบุคคลได้มากขึ้น ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะผลักดันการจัดทำเมนูที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งจะใช้ประโยชน์จากข้อมูลป้อนกลับแบบเรียลไทม์เพื่อปรับการจับคู่เมนูและราคาให้เหมาะสมที่สุด ทั้งนี้ 76% ของโรงแรมในเครือ แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ที่ทำการสำรวจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังนำเทคโนโลยีบริหารจัดการการจองมาใช้ ขณะที่ 75% ระบุว่า โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของแขกในการจองห้องอาหารและบาร์ แม้ว่าผู้ประกอบการจะนำเครื่องมือเหล่านี้มาใช้เพื่อให้การทำงานเป็นแบบอัตโนมัติและยกระดับบริการ แต่ความท้าทายหลักยังคงอยู่ที่การรักษาสายสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของงานบริการที่แท้จริง

5. Asia’s Culinary Hotspots (จุดหมายด้านอาหารแห่งใหม่ในเอเชีย)
อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และจีนแผ่นดินใหญ่ กำลังเป็นที่ยอมรับในเวทีโลกด้วยวัฒนธรรมอาหารที่มีชีวิตชีวาและหลากหลาย รายงานฉบับนี้ระบุถึงความมั่นใจและความคิดสร้างสรรค์ที่ฟื้นคืนมาอีกครั้ง ทำให้ประเทศเหล่านี้ก้าวขึ้นมาเป็นจุดหมายด้านอาหารในเวทีโลก

6. Third-Generation Asian Chefs Stir the Pot (เชฟเอเชียรุ่นที่สามกำลังเขย่าวงการอาหาร)
เชฟรุ่นที่สามของเอเชียที่ผ่านการฝึกฝนจากครัวระดับมิชลินกำลังปฏิวัติวงการอาหารเอเชีย พวกเขาทำหน้าที่เป็น “ทูตทางวัฒนธรรม” นำเทคนิคการทำอาหารสมัยใหม่มาประยุกต์ พร้อมใช้วัตถุดิบพื้นถิ่นเพื่อยกระดับและปรับแต่งรสชาติ พวกเขาไม่ได้เพียงทำอาหาร แต่กำลังรักษามรดกทางวัฒนธรรมไปพร้อมกับสร้างเส้นทางใหม่ แสดงให้เห็นว่าประเพณีและนวัตกรรมสามารถอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนบนจานอาหารได้ จิตวิญญาณสร้างสรรค์นี้ยังปรากฏในกลุ่มผู้ขายอาหารริมทาง หรือ ‘hawkerpreneurs’ ที่เติมความหรูหราให้ลักซา และเพิ่มรสชาติและสไตล์ให้สะเต๊ะ

ข้อมูลเพิ่มเติมจากรายงาน:

The Flavor Spectrum – ความหลากหลายแห่งรสชาติ: ผลสำรวจเผยให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงนิยมค็อกเทลสูตรคลาสสิกและค็อกเทลสมัยใหม่ที่มีแรงบันดาลใจจากท้องถิ่น ข้อมูลยังชี้ให้เห็นแนวโน้มที่ชัดเจนในการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พนักงานฝ่ายอาหารและเครื่องดื่มของแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล สังเกตว่าแขกเริ่มมองหาเมนูมังสวิรัติ (63%), เจ (64%) และอาหารปราศจากกลูเตน (54%) มากขึ้น นอกจากนี้ เครื่องปรุงคลาสสิก เช่น ซอสมะเขือเทศ มายองเนส ซอสพริก และซีอิ๊วยังคงได้รับความนิยมในหลายตลาด

Raising the Bar – ยกระดับบาร์: บาร์ทั่วเอเชียกำลังสร้างนิยามประสบการณ์การดื่มใหม่เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ การปรับแต่งให้สอดคล้องกับความต้องการเฉพาะบุคคล และบรรยากาศที่ดื่มด่ำ ตั้งแต่เมนูเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่ำหรือปราศจากแอลกอฮอล์ ไปจนถึงค็อกเทลสไตล์โอมากาเสะ สถานที่เหล่านี้ก้าวข้ามการเสิร์ฟเครื่องดื่มแบบเดิม ๆ และดึงดูดผู้ที่มีใจรักในรสชาติเดียวกัน นอกจากนี้ ค็อกเทลบาร์ต่าง ๆ ยังสร้างสีสันให้วงการด้วยการบอกเล่าเรื่องราวและเพิ่มความจัดจ้านให้รสชาติด้วยวัตถุดิบท้องถิ่นหรือดาชิ

The Future Larder – ตู้เสบียงแห่งอนาคต: วัตถุดิบใหม่ ๆ ที่แปลกและวัตถุดิบคลาสสิกที่ถูกลืมไปนาน กำลังขับเคลื่อนยุคใหม่ของอาหารเอเชีย ตั้งแต่เครื่องปรุงของหมักต่าง ๆ ไปจนถึงเกลือที่ใช้กรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิมและน้ำส้มสายชูสูตรที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น เชฟให้ความสนใจศึกษาวัตถุดิบดั้งเดิมมากขึ้น เพื่อสร้างสรรค์รสชาติที่เด่นชัด ยั่งยืน และเต็มไปด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรม

Sustainability Pioneers – ผู้บุกเบิกด้านความยั่งยืน: ภูมิปัญญาท้องถิ่นกำลังขับเคลื่อนขบวนการอาหารยั่งยืนในเอเชีย ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถให้เกษตรกรในท้องถิ่นและส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพผ่านวิสาหกิจเพื่อสังคม แคมเปญจากระดับรากหญ้านี้กำลังสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมในอุตสาหกรรมการบริการ และมีอิทธิพลต่ออนาคตของระบบนิเวศด้านอาหารในภูมิภาคอย่างกว้างขวาง 

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %
Previous post ปิดฉาก “งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 30 (Book Expo Thailand 2025)” ทุบสถิติทะลุ 1.5 ล้านคน! ยอดขายกว่า 474 ล้านบาท “Gen Z” พลังขับเคลื่อนหลัก “นิยาย” ครองแชมป์
Next post “แม่บุญล้ำ” จับมือ “Thailand Culinary Academy” ยกระดับเครื่องปรุงไทยสู่สากล!! คว้ารางวัลอาหารระดับโลกจากเวที FHA FOOD & BEVERAGE 2025 ณ ประเทศสิงคโปร์