
กรุงศรี มุ่งขับเคลื่อนอนาคตด้วยเทคโนโลยีที่เข้าถึงผู้คน เชื่อมชีวิตและธุรกิจสู่การเติบโตที่ยั่งยืน โชว์เทคและนวัตกรรมพร้อมใช้ผ่านงาน Krungsri Tech Day 2025

นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้ให้เกียรติเป็นประธานกล่าวเปิดงาน กล่าวว่า “Krungsri Tech Day 2025 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกรุงศรีในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงผ่านนวัตกรรมที่ช่วยให้การบริการทางการเงินในชีวิตประจำวันและการทำธุรกิจง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น และปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยการลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัล กรุงศรีมุ่งเน้นการให้บริการที่ตอบโจทย์ลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และสร้างความเชื่อมั่นอย่างยั่งยืน เพื่อก้าวสู่การเป็นธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน ที่พร้อมสนับสนุนธุรกิจและชุมชนให้เติบโตไปด้วยกัน ขณะเดียวกันก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการขับเคลื่อนเทคโนโลยีของกรุงศรีจะเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนมองเห็นว่าเทคโนโลยีไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงที่เข้าใจและส่งเสริมชีวิตผู้คนอย่างแท้จริง”
นางสาวสายสุนีย์ หาญประเทืองศิลป์ ประธานกลุ่มสนับสนุนธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ทิศทางและกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของกรุงศรี มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีควบคู่กับการเสริมศักยภาพของผู้คน เพื่อสร้างคุณค่าให้กับองค์กร สังคม และธุรกิจอย่างรอบด้าน ภายใต้แนวคิดดังกล่าว เราปรับโครงสร้างเทคโนโลยีให้มีความยืดหยุ่น เน้นการปรับปรุงกระบวนการทำงานให้เรียบง่ายและคล่องตัว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน และพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจในอนาคต ผลักดันบทบาทของธนาคารในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจด้วยการร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำในการสรรค์สร้างนวัตกรรมที่ใช้ประโยชน์ได้จริงและตอบโจทย์ลูกค้าอย่างแท้จริง ควบคู่กับการจัดตั้งหน่วยงานที่เป็นศูนย์กลางด้านการพัฒนาและผลักดันการใช้ AI พร้อมวางกรอบธรรมาภิบาลด้าน AI เพื่อให้การนำเทคโนโลยีมาใช้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างมีจริยธรรม และส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคมไทยให้เติบโตยั่งยืน”
กลยุทธ์ในการขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของกรุงศรีประกอบด้วย 3 เสาหลัก ได้แก่
1. Technology Simplicity – ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีจากภายในสู่ภายนอก ที่ออกแบบเป็น 3 ระยะสำคัญ ได้แก่ Leaner – ปรับโครงสร้างพื้นฐานให้เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการนำระบบ Hybrid Cloud มาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการแอปพลิเคชัน รวมถึงโปรแกรม Jupiter ที่เป็นโครงการต่อเนื่องเพื่อทรานส์ฟอร์มระบบ Core Banking สำหรับรองรับการเติบโตในระยะยาว Simpler – ยกระดับการดำเนินงานด้วยระบบอัตโนมัติ ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น เพิ่มความเร็วในการให้บริการ และลดต้นทุนการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญ และ Ahead of Business – นำเทคโนโลยี AI เข้ามาเสริมในกระบวนการทำงาน เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้า เพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ และสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจในระยะยาว
ผลลัพธ์จากการทรานส์ฟอร์มดังกล่าว ช่วยให้ระบบปฏิบัติงานหลักของธนาคารทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สร้างความยืนหยุ่นในการการเชื่อมโยงระหว่างแอปพลิเคชันหน้าบ้านและระบบหลังบ้าน ลดต้นทุนด้านการพัฒนาและบำรุงรักษา อีกทั้งยังช่วยปรับปรุงโครงสร้างระบบสถาปัตยกรรมไอทีให้เป็นรูปแบบ “Microservices” เกิดเป็น Hub ย่อย ที่สามารถต่อยอดการทำงานภายในและต่อยอดเป็นโซลูชั่นส์เพื่อให้บริการลูกค้าได้ โดยในปีที่ผ่านมา กรุงศรีช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าธุรกิจโรงงานน้ำตาลและเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยโดยร่วมพัฒนาระบบการขายลดเช็คให้เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่าน Payment Hub ทำให้ขั้นตอนการรับซื้อลดสิทธิรับเงินค่าเช็คเกี๊ยว/เช็คอ้อยทำได้โดยไม่จำเป็นต้องมีเอกสารเช็คอีกต่อไป ช่วยลดต้นทุนและช่วยให้เกษตรกรได้รับเงินเร็วขึ้นจากเดิม 2 วัน เหลือเพียง 3–5 นาที
2. Enabling for Growth – ในยุคที่โลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เทคโนโลยีอย่าง AI ที่เปลี่ยนรวดเร็ว และพฤติกรรมผู้บริโภคที่ไม่ยึดติดกับแบรนด์เดิม ธุรกิจจึงต้องหาสูตรลับของตัวเองให้เจอ และโฟกัสกับสิ่งที่สร้างความต่าง ขณะที่เรื่องสำคัญแต่ไม่ใช่หัวใจ เช่น การจัดการด้านการเงิน ควรมอบให้ผู้เชี่ยวชาญที่ไว้ใจได้ดูแล เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเวลาไปสร้างนวัตกรรมและประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้ลูกค้า ภายใต้แนวคิด “Enabling for Growth” กรุงศรีพร้อมสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจไทยด้วย โซลูชันทางการเงินดิจิทัลที่ครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่ โครงสร้างพื้นฐานทางการเงินเพื่อธุรกิจ ไปจนถึง บริการทางการเงินที่เชื่อมต่อเข้ากับแพลตฟอร์มขององค์กรได้โดยตรง ทั้งหมดนี้ออกแบบให้เชื่อมต่อได้ง่าย ปลอดภัย และพร้อมใช้งานทันที ปัจจุบันกรุงศรีได้รับรางวัลกว่า 20 รางวัล มีพันธมิตรกว่า 1,200 ราย และรองรับธุรกรรมกว่า 90 ล้านครั้งต่อปี สะท้อนความเชื่อมั่นในฐานะพันธมิตรทางการเงินที่ธุรกิจไว้วางใจ ภายใต้คำมั่นสัญญา “ชีวิตง่ายได้ทุกวัน” เพื่อให้ทุกองค์กรใช้เวลาไปกับสิ่งที่สำคัญที่สุด—การสร้างคุณค่า ความต่าง และอนาคตที่ยั่งยืน
3. Sustainable AI – จัดตั้งหน่วยงานศูนย์กลางด้าน AI (AI COE) พร้อมกรอบ AI Governance ที่เป็นรูปธรรม ครอบคลุมกระบวนการ คัดเลือกและจัดลำดับความสำคัญของ Use Case ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์องค์กร, ออกแบบและพัฒนาโมเดล ทดสอบความเสี่ยง/อคติ ดำเนินการ MLOps และวัดผล เป้าหมายคือการใช้งาน Traditional AI/ML, Generative AI และ Agentic AI อย่างเป็นระบบ โปร่งใส และสร้างคุณค่าจริงทั้งต่อธุรกิจและลูกค้า โดยภายในองค์กร กรุงศรีนำ GenAI เดินคู่กับการวิเคราะห์เชิงลึก เช่น AI ประเมินมูลค่าสินทรัพย์ บนโครงสร้างข้อมูลที่ถูกกำกับดูแล เพื่อความเร็ว ความแม่นยำ และการตรวจสอบย้อนกลับที่โปร่งใส และในการพัฒนาเพื่อลูกค้า กรุงศรีมุ่งยกระดับประสบการณ์อนุมัติสินเชื่อและงานรับประกันความเสี่ยง (underwriting) ให้ปลอดภัยและราบรื่นยิ่งขึ้น ด้วยโมเดล Fraud Score พร้อมใช้โมเดล Customer Lifetime Value และ Churn Prevention เพื่อการดูแลเชิงรุกและข้อเสนอที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น
บนรากฐานนี้ กรุงศรีได้ขยายความร่วมมือกับ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยใช้ API ที่ปลอดภัย เป็นสะพานข้อมูลเชิงปฏิบัติการ สร้าง “ภาพเดียวกัน” ผ่านแดชบอร์ดเรียลไทม์ และยกระดับการวิเคราะห์ด้วย Machine Learning เพื่อคัดกรองพฤติกรรมต้องสงสัยเชิงรุก ช่วยลดเวลาประสานงานและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการคดีร่วมกับ CIB ทั้งหมดนี้สะท้อน Sustainable AI ที่ใช้งานได้จริง วัดผลได้ และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่รัดกุม สอดคล้องกับหลักจริยธรรมและเป้าหมายการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนของสังคมไทย
“กรุงศรีขอขอบคุณพันธมิตรทุกท่านที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญเบื้องหลังนวัตกรรม ช่วยเปลี่ยนแนวคิดให้เป็นความสามารถจริง พร้อมสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ชาญฉลาด และสนับสนุนการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนให้กับองค์กร สังคม และผู้คน ซึ่งตอกย้ำบทบาทของกรุงศรีในฐานะธนาคารที่ไม่เพียงให้บริการทางการเงิน แต่ยังเป็นพันธมิตรทางธุรกิจและแรงขับเคลื่อนสำคัญในการส่งเสริมให้เศษรฐกิจและสังคมไทยเข้มแข็งและเติบโตอย่างยั่งยืน” นางสาวสายสุนีย์ กล่าวปิดท้าย